“บะขาม บูทีค รีสอร์ท” จุดเช็คอินเมืองขอนแก่น

ทุกห้อง ทุกฟังก์ชั่น บะขาม บูทีค รีสอร์ท ก็จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป มันจะต้องคล่องตัวมากขึ้น ปรับเปลี่ยนได้มากขึ้น ดังนั้นในแง่ของเรื่องสำคัญที่ผมคิดว่าสถาปนิกหรือผู้ออกแบบจะนำมาใช้ อย่างผมเองจะใช้ในเรื่องสุขภาพ สุขอนามัย วัสดุที่นำกลับมาใช้ นวัตกรรม และที่สำคัญที่สุดในยุคใหม่ก็จะเป็นเรื่องของเทคโนโลยี

COTTO LiFE Aug 08, 2022

“บะขาม บูทีค รีสอร์ท” จุดเช็คอินเมืองขอนแก่น

ยึดหลักสุขอนามัย พร้อมก้าวตามเทรนด์ในอนาคต

ในยุคที่โลกของเราเต็มไปด้วยโรคระบาด เมื่อต้องเดินทางไปพักผ่อนหรือไปทำงานนอกบ้าน การเลือกโรงแรมเป็นเรื่องที่คนยุคใหม่ใส่ใจกันมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากเกิดโรคโควิด-19 หลาย ๆ โรงแรมต้องปรับตัวให้อยู่กับสถานการณ์นี้มากขึ้น เช่นเดียวกับ “บะขาม บูทีค รีสอร์ท” ที่พักในจังหวัดขอนแก่น ที่ได้ยึดคอนเซ็ปต์เรื่องการดูแลสุขภาพ และสุขอนามัยให้กับผู้เข้าพักเป็นหลัก ซึ่ง COTTO LiFE ได้มีโอกาสพูดคุยกับ “คุณเอก ตัณฑเกษม” ผู้ก่อตั้ง บะขาม บูทีค รีสอร์ท แห่งนี้ เกี่ยวกับไอเดียการบริหารโรงแรมในสถานการณ์ปัจจุบันและในโลกแห่งอนาคต ซึ่งคุณเอกก็ได้บอกเล่าเกี่ยวกับความเป็นมาของรีสอร์ทแห่งนี้เอาไว้ว่า

“ที่นี่เปิดมา 12-13 ปี เริ่มก่อสร้างประมาณปี 2552 ที่นี่เราออกแบบและควบคุมงาน รวมถึงเป็นผู้รับเหมาเองด้วย ทำทุกอย่างครบวงจร ประมาณ 2 ปี กว่าจะเสร็จ หลังจากเปิดมาสักพักใหญ่ ผมเชื่อว่าธุรกิจโรงแรมทุกที่คงเจอปัญหาเรื่องโควิด-19 ในส่วนของ บะขาม บูทีค รีสอร์ท เองก็ได้มีการปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับสถานการณ์ โดยที่เราได้วาง positioning ของโรงแรมในด้านสุขภาพ สุขอนามัย และเรื่อง Zero Waste ซึ่งทัง 3 เรื่องเป็นเมกะเทรนด์ของโลก ดังนั้น 3 ไอเดียที่ว่านี้จะถูกปรับออกมาในลักษณะของการให้บริการลูกค้าหลังจากนี้ ซึ่งเราทำมา 4-5 ปีแล้ว จริง ๆ เริ่มต้นตั้งแต่ก่อนโควิด-19 ด้วยซ้ำไป พอมีโควิด-19 เรายิ่งมั่นใจว่าการปรับเปลี่ยนตามเมกะเทรนด์ของโลกแบบนี้เป็นเรื่องที่น่าจะถูกต้องสำหรับธุรกิจของเรา”

คนยุคใหม่ ใส่ใจเรื่องสุขภาพมากที่สุด

“ตอนนี้ลูกค้าและคนสมัยใหม่เขารักสุขภาพมาก กล้าใช้เงินกับเรื่องของสุขภาพ ดังนั้นการที่เราใช้คำว่าสุขอนามัย สุขภาพ จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ สิ่งที่เรานำมาใช้ไม่ว่าจะอุปโภคบริโภค ต้องมีหลักฐานสำคัญที่เห็นได้ด้วยตาเปล่าและทำให้ลูกค้าเห็น เช่น การปลูกผัก การเลี้ยงไก่ แล้วนำผลิตภัณฑ์พวกนี้มาใช้รับประทานจริง ผักที่ดูแลอาหารเช้าให้ลูกค้าเราก็ปลูกที่นี่ แต่ถ้าไม่พอก็จะมีฟาร์ม ซึ่งสุดท้ายเราใช้คำว่า Farm to Hotel เป็นเรื่องของระบบที่เราคิด อีกเรื่องคือ Zero Waste ซึ่งเป็นเรื่องของเมกะเทรนด์ เป็นเรื่องของ Climate Change ที่สำคัญ ดังนั้นเรื่องการคัดแยกขยะ การเอาขยะเปียกนำกลับมาใช้ ซึ่งเราใช้ขยะเปียกในการเลี้ยงไก่ และนำมาทำเป็นปุ๋ยก็จะเป็นการนำมาหมุนเวียนแบบนี้ อย่างที่เรียนว่าคนรุ่นใหม่ต้องการหลักฐานเป็นเรื่องของการตลาดที่สำคัญ เป็น P ตัวที่ 6 ซึ่งสำคัญในโลกการตลาดยุคใหม่ ดังนั้นสิ่งที่เราแสดงหลักฐานสำคัญตรงนี้ให้ลูกค้าเห็น ย่อมทำให้ลูกค้ามั่นใจขึ้น”

มั่นใจในคุณภาพของ COTTO LiFE

คุณเอกได้เล่าให้ฟังว่า ในช่วงเวลาที่สร้างรีสอร์ตแห่งนี้ ก็ได้เลือกสินค้าและบริการจาก COTTO เพราะมั่นใจในคุณภาพเป็นอันดับแรก จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ความประทับใจในสินค้าจาก COTTO ยังคงอยู่ และยังคงเลือกสินค้าสุขภัณฑ์และกระเบื้องในการปรับปรุงรีสอร์ทต่อไป

“จริง ๆ ตั้งแต่ปีที่เราก่อสร้างโรงแรม เราก็ใช้ผลิตภัณฑ์ทั้งสุขภัณฑ์ กระเบื้อง ของ COTTO จำนวนหนึ่งอยู่แล้ว ผมก็คิดว่าลูกค้าเองก็สัมผัสได้ว่าเราใช้ของที่มีมาตรฐาน ปัจจุบันก็ไม่ได้ maintenance อะไรมากมาย คิดว่าเป็นเรื่องที่เราตัดสินใจถูกพอสมควรเลย วันนี้ก็ยังดูในเรื่องของเทรนด์และภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ ลูกค้าเองส่วนใหญ่ก็จะชมมากกว่าติ และอย่างที่เกริ่นไปว่าคนยุคใหม่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องของสุขอนามัย และเรื่องของสุขภาพมากขึ้น ดังนั้นเราคิดว่าการปรับปรุงโรงแรม ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มทำแล้วนะครับ เราจะใช้ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับ Hygienic มากขึ้น และถ้าเป็นไปได้ในอนาคตเราสามารถนำเรื่องนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ ก็จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการ ผู้ออกแบบ รวมไปถึงผู้ผลิตด้วยซ้ำไป”

ปรับเปลี่ยน เตรียมรับมือกับโลกอนาคต

“ผมว่าในยุคใหม่หรือในโลกอนาคต เรื่องสำคัญที่คาดการณ์ ผมคิดว่าคงหนีไม่พ้นเรื่องเมกะเทรนด์ของโลก ซึ่งเรื่องสำคัญที่อยากย้ำก็คือเรื่องของสุขอนามัย สุขภาพ ซึ่งคนจะกล้าใช้เงินมากขึ้น รวมถึงเรื่องของเทคโนโลยี และในโลกยุคใหม่ที่อยู่อาศัยจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เราอาจจะหาคำนิยามของที่อยู่อาศัยไม่ได้ในตอนนี้ แต่ในวันนี้พอเจอสถานการณ์โควิด-19 ทุกคนก็มีพฤติกรรมในการดำเนินชีวิตที่แตกต่างกันออกไป สิ่งที่เห็นสำคัญเลยก็คือ บ้านไม่ได้ใช้นอนอย่างเดียว ผมก็เชื่อว่าเดิมทีเราอาจจะใช้บ้านแค่ 6 ชั่วโมง บางคนอาจจะไม่ถึง อาจจะมี 8-12 ชั่วโมงมาก กลางวันเราก็ไปทำงาน แต่ในโลกยุคใหม่ผมเชื่อว่าในการใช้บ้านหรือที่อยู่อาศัยจะมีตลอด 24 ชั่วโมง ใน 24 ชั่วโมงนี้แล้วแต่เลยว่าใครจะใช้ทั้งกลางวันและกลางคืน และทุกห้อง ทุกฟังก์ชั่น ก็จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป มันจะต้องคล่องตัวมากขึ้น ปรับเปลี่ยนได้มากขึ้น ดังนั้นในแง่ของเรื่องสำคัญที่ผมคิดว่าสถาปนิกหรือผู้ออกแบบจะนำมาใช้ อย่างผมเองจะใช้ในเรื่องสุขภาพ สุขอนามัย วัสดุที่นำกลับมาใช้ นวัตกรรม และที่สำคัญที่สุดในยุคใหม่ก็จะเป็นเรื่องของเทคโนโลยีครับ”