โอกาสทองของสถาปนิก ในยุค METAVERSE

เครื่องมือใหม่ของสถาปนิกในโลก Metaverse “Metaverse กำลังกลายเป็นพู่กันอันใหม่ของดีไซเนอร์ แต่จะไม่พูดจากเทคโนโลยีแค่อย่างเดียว ผมจะพูด Metaverse จากมุมของดีไซเนอร์ เพราะจริง ๆ Metaverse เป็นเทคโนโลยีที่ต้องการดีไซเนอร์มากกว่าเทคโนโลจิสต์ 

โอกาสทองของสถาปนิก ในยุค METAVERSE
METAVERSE,
A GREAT OPPORTUNITY
OR JUST A BUZZ WORD

ในยุคของโลกโซเชียลคงไม่มีใครไม่รู้จักคำว่า Metaverseในทุกวงการเริ่มเตรียมพร้อมและต้อนรับ Metaverse หรือโลกเสมือนจริงที่สามารถให้ผู้คนเข้ามามีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน ไม่ว่าจะเป็นการพบปะพูดคุย ประชุม ท่องเที่ยว และช้อปปิ้ง ก็ทำได้แบบง่าย ๆ ในรูปแบบ Metaverse แน่นอนว่าในวงการสถาปนิกก็เตรียมพร้อมเช่นเดียวกัน ลองมาดูกันว่า Metaverse มีความเกี่ยวข้องกับอาชีพสถาปนิกอย่างไร วันนี้ คุณอาร์ท อภิรัตน์ หวานชะเอม CHiEF DiGiTAL OFFiCER, SCG CBM จะมาให้คำตอบเกี่ยวกับโลกเสมือนจริงในวงการสถาปนิกได้อย่างครบถ้วนที่นี่ที่เดียว

โอกาสทองของสถาปนิก ในยุค METAVERSE

เครื่องมือใหม่ของสถาปนิกในโลก Metaverse

“Metaverse กำลังกลายเป็นพู่กันอันใหม่ของดีไซเนอร์อย่างพวกเรา เพื่อให้เรานำไปสร้างสรรค์และแก้ปัญหา ทำให้ชีวิตคนดีขึ้น วันนี้ผมจะพูดเรื่อง Metaverse แต่จะไม่พูดจากเทคโนโลยีแค่อย่างเดียว ผมจะพูด Metaverse จากมุมของดีไซเนอร์ เพราะจริง ๆ Metaverse เป็นเทคโนโลยีที่ต้องการดีไซเนอร์มากกว่าเทคโนโลจิสต์ ดังนั้นเราเชื่อว่าจะทำให้เกิดระบบเศรษฐกิจใหม่ขึ้นมา ซึ่ง Metaverse ตอนนี้เหมือนช้างตัวใหญ่ แล้วแต่ว่าใครจะคลำไปโดนตรงไหน วันนี้ผมจะชวนพวกเรามา Zoom out ออกมาไกล ๆ ให้ไกลพอที่จะทำให้พวกเรามองเห็น Metaverse แบบเป็นช้างทั้งตัวได้”

หลาย ๆ คนคงได้รู้จักภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่อง The Matrix ที่โด่งดังอย่างมากในปี 1999 ซึ่งคุณอาร์ท อภิรัตน์ ได้ยกตัวอย่างเกม VR (Virtual Reality) เรื่องนี้เพื่ออธิบายรูปแบบของ Metaverse ให้เห็นภาพอย่างชัดเจน โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ใช้ VR สร้างขึ้นมาทั้งเรื่อง “พอยท์แรก คือ ความสามารถของคอมพิวเตอร์มันเรียลจนขนาดดูด้วยตาก็แยกออกยากแล้ว พอยท์ที่สอง คือ ภาพที่ผมให้ดูเมื่อสักครู่นี้ได้แคปเจอร์มาจาก Xbox เกมคอนโซล เป็นภาพที่ Render Real Time เพราะฉะนั้น Metaverse เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากในยุคนี้ แต่ต้องถามตัวเองว่าคนที่เขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์จะสามารถทำให้ดูสนุกแบบนี้ไหม เพราะมันไม่ได้ยึดเทคโนโลยี มันยึด Creativity นั่นคือเหตุผลว่าทำไม Metaverse กำลังจะเป็นยุคทองของดีไซเนอร์

โอกาสทองของสถาปนิก ในยุค METAVERSE

โอกาสทองของสถาปนิก ในยุค METAVERSE

ตีโจทย์ดีไซเนอร์ในมุมมองใหม่

“ถ้าพวกเราตาม Metaverse ก็จะได้รู้ว่าคนที่ทำให้คำนี้ดังมากก็คือ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซึ่งเขาถึงขนาดเปลี่ยนชื่อบริษัทที่มีมูลค่าเยอะมากจาก Facebook ไปเป็น Meta แต่เมื่อไม่นานมานี้หุ้นเขาตกประมาณ 20-25% เป็นมูลค่า 6.6 ล้าน ซึ่งถือว่าเยอะมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของตลาดหุ้นที่อเมริกา สาเหตุคือนักลงทุนและนักการตลาดมองว่าการที่ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เอาจริงเอาจังกับ Metaverse มาก ๆ และจะลงทุน 600 Billion Dollars ในอีก 5 ปีข้างหน้า ยังไม่มีเหตุผลและความเป็นจริงที่เห็นได้ชัด เมื่อผมให้ดูด้านพวกแล้วก็จะให้ดูด้านลบด้วย เพราะในช่วงนี้ Metaverse ยังเป็นช่วงที่ฟุ้งมาก ๆ ดังนั้นต้องดูดี ๆ ว่าเราจะเข้าไปตรงไหน เมื่อไหร่ เช่นในเรื่องของการลงทุนใน Metaverse ซึ่งเดี๋ยวเราจะมาคุยในเรื่องนี้กัน”

ทำไมถึงชวนให้พวกเราสนใจ Metaverse? ก็เพราะว่าในฝั่งที่เป็นโอกาสมันเยอะมาก ณ จุดนี้เราสามารถเข้าไปสร้างธุรกิจหรือสร้างงานใหม่ใน Metaverse ได้ประมาณ 3 เลเยอร์ด้วยกัน

• Enablers คือการทำให้ Metaverse เป็นจริง เดี๋ยวจะเห็นว่าจะมีเทคโนโลยีอยู่บางส่วนที่ยังต้องพัฒนาไปอีกค่อนข้างเยอะ โดยใช้เวลาอีก 2-3 ปี เพื่อให้ประสบการณ์ Metaverse ที่เราอยากได้เกิดขึ้นจริง เลเยอร์นี้อาจจะต้องเป็นคนที่มีเงินทุนนิดหนึ่งและเก่งฮาร์ดแวร์ ดังนั้นดีไซเนอร์อาจจะต้องจับมือกับเอนจิเนียร์
• Creators เราจะเห็นว่า Metaverse มีคอนเทนต์เยอะมาก ไม่รู้ว่าทันในยุคที่ชิคาโกไฟไหม้แล้วเขาจ้างสถาปนิกทั้งโลกไปร่วมกันดีไซน์ แล้วได้สถาปนิกใหม่ ๆ เต็มเลย อันนี้ก็คล้าย ๆ กัน เหมือนเราจะสร้างโลกใหม่ แล้วเราต้องการดีไซเนอร์และสถาปนิกมาช่วยครีเอทคอนเทนต์
• Service Providers คือการนำสิ่งที่เขาครีเอทมาสร้างบริการใหม่ ๆ เช่น บริการสร้างอวาตาร์ อีกหน่อยอาจจะมีหมอศัลยกรรมอวาตาร์

“ผมว่าการมองอนาคตโดยการเรียนรู้อดีตเป็นเรื่องที่ดีอย่างหนึ่ง ผมเป็นเจเนอเรชันที่โตมากับอินเตอร์เน็ต ผมนั่งมองอินเตอร์เน็ตใช้เวลาประมาณเกือบ 30 ปี จนกระทั่งมาถึงยุคที่เป็นโซเชียลมีเดีย ยุคแรก ๆ คิดอะไรไม่ออกก็ใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อเข้าอีเมลตอบอีเมล ออนไลน์ MSN ตอนหลังก็เริ่มเอาของไปขายในอินเตอร์เน็ต ใช้อินเตอร์เน็ตเป็นเหมือนช่องทางใหม่ จนกระทั่งไม่กี่ปีมานี้ที่เราเพิ่งคิดออกว่า อินเตอร์เน็ตมันสามารถเป็นระบบเศรษฐกิจของมันเองได้เลย ก็คือเป็นยุคโซเชียลมีเดีย คือการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจโดยสร้างคอนเซ็ปต์ใหม่ แต่มันใช้เวลาหลาย 10 ปี สาเหตุเพราะว่ามันใช้เวลานานมากกว่าเทคโนโลยีพื้นฐาน เช่น สมาร์ทโฟน เน็ตเวิร์ก จะเกิดขึ้น และเข้าไปอยู่ในมือคนจำนวนมากพอ

Metaverse ตอนนี้ก็เหมือนช่วงแรก ๆ ของอินเตอร์เน็ต ถ้าถามว่า Metaverse เอาไปทำอะไรได้บ้าง หลาย ๆ คนจะอึ้งไป แต่ข้อดีที่มันยังอยู่ในช่วงแรกมาก ๆ ความท้าทายคือพอคนคิดออกมันจะไปเร็วกว่าอินเตอร์เน็ตมาก ๆ เนื่องจากเทคโนโลยีพื้นฐานมันพร้อมแล้ว ในตอนนี้ Big Players ทุกคนที่มีเงินมหาศาลลงมานั่งใน Metaverse หมดแล้ว”

โอกาสทองของสถาปนิก ในยุค METAVERSE

เราจะเข้าสู่ Metaverse ได้อย่างไร ?

การที่เราจะเข้าไปสู่ Metaverse ได้คงจะต้องมีอุปกรณ์ที่เรียกว่า VR (Virtual Reality), AR (Augmented Reality) และ MR (Mixed Reality)

• VR (Virtual Reality) สมัยก่อนตอนเทคโนโลยีเข้ามาใหม่ ๆ เราพยายามจำลองโลกเสมือนจริง แต่ตอนนี้มันไปไกลเสมือนจริงแล้ว มันสามารถเป็นโลกที่เหมือนกว่าโลกจริงก็ได้ ที่สำคัญคือเราไม่ได้นั่งดูจอนาน ๆ แต่เราเข้าไปอยู่ในนั้นได้เลย (ใส่ VDO VR)
• AR (Augmented Reality) เราอยู่ในโลกจริง แต่เราสามารถเอาโลกดิจิทัลมาซ้อนทับลงไปได้ เช่น สมมติว่าเราไปบ้านลูกค้า เราสามารถแต่งครัวให้ใหม่ได้ โดยหยิบไปวางในพื้นที่จริง ๆ ซ้อนทับไปกับของเดิม (ใส่ VDO AR)
• MR (Mixed Reality) เป็นการนำเทคโนโลยีทั้ง VR และ AR มาผสมกัน ทำให้รู้สึกเป็นจริงมากขึ้น

“ทำไมดีไซเนอร์ถึงต้องสนใจเรื่อง VR AR และ MR มันก็เหมือนเรามีพู่กันแค่ 3 อัน อยู่ที่พวกเราและความคิดสร้างสรรค์ และความเข้าใจปัญหาว่าเราจะเลือกใช้พู่กันอันไหนเมื่อไหร่ เพราะว่าศักยภาพมันต่างกัน ผมคิดว่ามันจะมี Metaverse ในเวอร์ชั่นที่คนอยากได้ ทั้งที่เหมือนปัจจุบัน หรือย้อนยุคไปเมื่อ 10 ปีที่แล้วที่มีคอมพิวเตอร์บนโต๊ะ มีแมคบุ๊คเวอร์ชั่นแรกก็มี หรือคนที่อยากได้โลกที่ไม่เหมือนความจริงเลย ไปอยู่ในโลกป่าหิมพานต์เลยก็มี อยู่ที่เราเป็นดีไซเนอร์และเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์เลย”

โอกาสทองของสถาปนิก ในยุค METAVERSE

สถานปนิกจะใช้ประโยชน์จาก Metaverse ได้อย่างไร?

“ผมคิดว่าโอกาสของงานหรือธุรกิจใน Metaverse ของทางเทคโนโลยีจะน้อยกว่าดีไซเนอร์ สิ่งที่คนจะได้อยากได้มันจะไม่ใช่เรื่องของเทคโนโลยี แต่จะเป็นเรื่องของอีโมชั่น เชื่อว่าอีกหน่อยจะมีหลายคนที่อยากใช้ชีวิตใน Metaverse มากกว่า เพราะเขาเลือกเกิดได้เลย ดังนั้นดีไซเนอร์จะเป็นคนที่ได้เปรียบมากที่จะสร้างอีโมชั่นนั้นให้เขา ผมจำได้ว่าตั้งแต่เรียนสถาปนิกปี 1 สิ่งที่เขาสอนเราไม่ใช่การเขียนแบบ แต่เป็นการเข้าใจคน สเปซไม่ได้มีไว้กันฝนหรือซุกหัวนอน แต่มีไว้เก็บความรู้สึกบางอย่าง มันคือจิตวิทยามนุษย์ตอนที่อยู่ในสเปซหนึ่ง พอเราจะสร้างโลกใหม่ทั้งโลก ผมคิดว่าสถาปนิกที่เข้าใจคนอยู่แล้ว น่าจะสามารถทำให้มันเกิดประสบการณ์ที่เหนือกว่าและไม่ต้องติดอยู่กับโลกแห่งความเป็นจริง

ถ้าเราเป็นสถาปนิกในวันนี้ อย่างแรกคือเราบอกตัวเองว่าเราเป็นดีไซเนอร์ไม่ใช่สถาปนิก เพราะฉะนั้นเราดีไซน์อะไรก็ได้ ถึงแม้ว่าจะไม่เป็นสถาปัตยกรรม ซึ่งสถาปัตยกรรมในอนาคตก็อาจจะไม่เหมือนปัจจุบันก็ได้ หมายความว่าเรายังเป็นสถาปนิกอยู่แต่สามารถตีโจทย์ใหม่ได้ อีกประการหนึ่งคือ เราไม่ต้องเป็นสถาปนิก เป็นแค่ดีไซเนอร์ แล้วสร้างความสุขด้วยความคิดสร้างสรรค์ ไม่ว่าความสุขนั้นจะเป็นทางกายหรือทางใจ”

โอกาสทองของสถาปนิก ในยุค METAVERSE

โอกาสทองของสถาปนิก ในยุค METAVERSE

โอกาสทองของสถาปนิก ในยุค METAVERSE

โอกาสทองของสถาปนิก ในยุค METAVERSE